วิธีลดความร้อนในบ้านแบบง่าย ๆ โดยไม่ต้องพึ่งแอร์
ในช่วงที่อากาศร้อนจัด บ้านหลายหลังกลายเป็นเตาอบขนาดย่อม ทำให้หลายคนต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศ (แอร์) ซึ่งส่งผลให้ค่าไฟพุ่งสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่รู้หรือไม่ว่าเราสามารถทำให้บ้านเย็นขึ้นได้โดยไม่ต้องพึ่งแอร์เลย? ในบทความนี้ เราจะพาไปดูวิธีลดความร้อนในบ้านแบบง่าย ๆ ที่ช่วยให้บ้านเย็นขึ้น ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
1. ปรับแต่งบ้านให้ระบายอากาศได้ดี
บ้านที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวกจะเก็บความร้อนเอาไว้ ทำให้ภายในบ้านอบอ้าวขึ้นเรื่อย ๆ วิธีแก้ไขคือ:
- เปิดหน้าต่างให้ลมไหลผ่าน ควรเปิดหน้าต่างที่อยู่ตรงข้ามกันเพื่อให้เกิดการไหลเวียนของอากาศ (Cross Ventilation)
- ใช้พัดลมดูดอากาศ ติดพัดลมดูดอากาศบริเวณห้องครัวหรือห้องน้ำ เพื่อช่วยระบายความร้อนออกจากตัวบ้าน
- ติดช่องระบายอากาศ โดยเฉพาะในห้องใต้หลังคาเพื่อลดการสะสมของความร้อน
2. เลือกใช้ม่านและฟิล์มกันความร้อน
แสงแดดที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างเป็นแหล่งความร้อนหลักที่ทำให้บ้านร้อนขึ้น ดังนั้นการเลือกใช้วัสดุป้องกันแสงแดดช่วยได้มาก เช่น:
- ม่านกันความร้อน ใช้ม่านสีอ่อนที่สามารถสะท้อนแสงแดด หรือม่านชนิดกัน UV
- ฟิล์มกรองแสง ลดความร้อนที่เข้าสู่บ้านได้ถึง 50-80% โดยยังคงให้แสงส่องผ่านได้
- มู่ลี่ไม้หรือผ้าม่านโปร่งแสง ใช้ลดความร้อนแต่ยังให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้
3. ปลูกต้นไม้รอบบ้านเพื่อบังแดด
ต้นไม้เป็นเครื่องปรับอากาศจากธรรมชาติที่ช่วยลดอุณหภูมิรอบบ้านได้ดี แนะนำให้ปลูก:
- ต้นไม้สูงหรือไม้พุ่มแนวรั้ว เพื่อช่วยบังแดดจากทิศตะวันตก
- ไม้เลื้อยหรือสวนแนวตั้ง ปลูกบริเวณผนังบ้านหรือระเบียงเพื่อลดการดูดซับความร้อน
- บ่อน้ำหรือสระเล็ก ๆ ช่วยให้ความชื้นในอากาศเพิ่มขึ้น ทำให้บ้านเย็นขึ้น
4. ใช้ฉนวนกันความร้อนที่หลังคาและผนัง
หลังคาและผนังบ้านเป็นจุดที่ดูดซับความร้อนมากที่สุด การติดฉนวนกันความร้อนช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้านได้ดี เช่น:
- ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น (PU Foam, ใยแก้ว, อะลูมิเนียมฟอยล์)
- แผ่นสะท้อนความร้อนใต้หลังคา ป้องกันการแผ่รังสีความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน
- ผนังกันความร้อนหรือสีสะท้อนความร้อน ช่วยลดการดูดซับความร้อนจากแสงแดด
5. ปรับพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งตัวการที่ทำให้บ้านร้อนขึ้นโดยไม่รู้ตัว ลองเปลี่ยนพฤติกรรมดังนี้:
- ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น เช่น คอมพิวเตอร์ ทีวี หรืออุปกรณ์ที่มีหม้อแปลง
- ใช้หลอดไฟ LED แทนหลอดไส้ หลอดไฟธรรมดาปล่อยความร้อนออกมามาก
- ลดการใช้เตาไฟฟ้าหรือเตาแก๊สในเวลากลางวัน เพราะปล่อยความร้อนออกมาเยอะ
แสงแดดส่องเข้าบ้านโดยตรง
ปัญหา: บ้านที่มีหน้าต่างขนาดใหญ่หรือมีผนังที่โดนแดดตรง ๆ โดยไม่มีสิ่งกั้นจะดูดซับความร้อนจากดวงอาทิตย์โดยตรง ทำให้อุณหภูมิภายในบ้านสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงบ่ายที่แสงแดดแรง
วิธีแก้ไข:
- ติด ฟิล์มกันความร้อน บนกระจกหน้าต่างเพื่อลดการรับแสง
- ใช้ ม่านกันแดดหรือผ้าม่านหนา เพื่อป้องกันแสงแดดส่องเข้ามา
- ปลูกต้นไม้ใหญ่ หรือใช้ ระแนงบังแดด เพื่อช่วยลดความร้อนจากภายนอก
ปัญหา: วัสดุที่ใช้ทำหลังคาและผนัง เช่น กระเบื้องซีเมนต์ กระเบื้องลอนคู่ หรือคอนกรีต มักดูดซับและกักเก็บความร้อน ทำให้ในตอนกลางคืนบ้านยังคงร้อนแม้ว่าภายนอกจะเย็นลงแล้ว
วิธีแก้ไข:
- ติดตั้ง ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา เช่น ใยแก้ว หรือแผ่นสะท้อนความร้อน
- ใช้ สีสะท้อนความร้อน หรือสีโทนอ่อนในการทาผนังและหลังคา
- ออกแบบให้มี ช่องระบายอากาศใต้หลังคา เพื่อช่วยลดการสะสมความร้อน
การระบายอากาศในบ้านไม่ดี
ปัญหา: บ้านที่ไม่มีอากาศถ่ายเท หรือมีช่องระบายลมน้อย จะทำให้ความร้อนสะสมอยู่ภายในบ้าน ทำให้รู้สึกอับและร้อนแม้ในช่วงกลางคืน
วิธีแก้ไข:
- เปิดหน้าต่างให้ ลมไหลผ่านได้สะดวก โดยเปิดหน้าต่างที่อยู่ตรงข้ามกัน
- ติด พัดลมดูดอากาศ ในห้องที่อากาศไม่ถ่ายเท เช่น ห้องครัว ห้องน้ำ
- ออกแบบบ้านให้มี ช่องลม หรือ ประตูบานเกล็ด เพื่อให้เกิดการไหลเวียนของอากาศ
การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ปล่อยความร้อน
ปัญหา: เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิด เช่น เตาอบ ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น หรือแม้แต่หลอดไฟแบบเก่าที่ให้ความร้อนสูง ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้บ้านร้อนขึ้นโดยไม่รู้ตัว
วิธีแก้ไข:
- เปลี่ยนมาใช้ หลอดไฟ LED ที่ให้ความร้อนน้อยกว่าหลอดไส้
- ใช้ เครื่องใช้ไฟฟ้าเฉพาะที่จำเป็น และปิดเมื่อไม่ใช้งาน
- หลีกเลี่ยงการใช้ เตาแก๊สหรือเตาอบในเวลากลางวัน ถ้าเป็นไปได้
ไม่มีต้นไม้หรือพื้นที่สีเขียวรอบบ้าน
ปัญหา: บ้านที่ไม่มีต้นไม้หรือสนามหญ้าเลยจะสะสมความร้อนจากพื้นดินและคอนกรีตโดยรอบ ทำให้บ้านร้อนขึ้นและอุณหภูมิโดยรวมสูงขึ้น
วิธีแก้ไข:
- ปลูกต้นไม้ รอบบ้านหรือริมรั้ว เพื่อลดความร้อนจากภายนอก
- ทำ สวนแนวตั้ง (Vertical Garden) หรือใช้ไม้เลื้อยช่วยบังแดด
- ใช้ หญ้าเทียม หรือวัสดุคลุมดินที่สะท้อนความร้อน แทนพื้นปูนหรือกระเบื้อง
ในบทความนี้ เราจะพาไปดูหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยให้บ้านเย็นขึ้น รวมถึงเทคนิคการออกแบบที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง
1. การไหลเวียนของอากาศ (Ventilation) คือหัวใจของบ้านเย็น
หลักการ: อากาศร้อนมักจะลอยตัวสูงขึ้น ดังนั้นหากบ้านไม่มีทางให้ลมร้อนออก อากาศร้อนจะสะสมอยู่ภายในทำให้บ้านอบอ้าว
วิธีแก้ไข:
- ออกแบบบ้านให้มี ช่องลมเข้าและช่องลมออก (Cross Ventilation) โดยจัดวางหน้าต่างให้อยู่ตรงข้ามกัน เพื่อให้ลมพัดผ่านบ้านได้สะดวก
- ติด บานเกล็ด หรือหน้าต่างแบบปรับองศาได้ เพื่อควบคุมการไหลของลม
- ใช้ ช่องระบายอากาศใต้หลังคา เพื่อให้ความร้อนที่สะสมสามารถออกไปได้
- ทำ เพดานสูง หรือมี ช่องระบายอากาศใต้หลังคา เพื่อลดการสะสมความร้อนในอากาศชั้นบน
2. การสะท้อนและดูดซับความร้อนของวัสดุ (Thermal Insulation & Reflection)
หลักการ: วัสดุบางชนิดสามารถดูดซับและเก็บความร้อนไว้ได้นาน ทำให้บ้านยังคงร้อนแม้ในช่วงกลางคืน การเลือกใช้วัสดุที่มีค่าการสะท้อนความร้อนสูง หรือใช้ฉนวนกันความร้อนช่วยลดการสะสมความร้อนในบ้าน
วิธีแก้ไข:
- ใช้ ฉนวนกันความร้อน ใต้หลังคา เช่น ฉนวนใยแก้ว หรือแผ่นสะท้อนความร้อน
- ทาสีผนังและหลังคาด้วย สีอ่อนหรือสีที่สะท้อนความร้อน เช่น สีขาว สีครีม สีฟ้าอ่อน
- ใช้วัสดุหลังคาที่ช่วยสะท้อนความร้อน เช่น เมทัลชีทเคลือบสารกันความร้อน หรือ กระเบื้องเซรามิก
3. การลดการรับความร้อนจากแสงแดดโดยตรง (Solar Heat Gain Control)
หลักการ: แสงแดดที่ส่องเข้ามาในบ้านโดยตรงเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้อุณหภูมิในบ้านสูงขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่ได้รับแดดจัดในช่วงบ่าย
วิธีแก้ไข:
- ใช้ ฟิล์มกันความร้อน หรือกระจกสะท้อนแสงสำหรับหน้าต่างที่โดนแดดโดยตรง
- ติด กันสาด หรือระแนงไม้ เพื่อช่วยบังแดดและลดความร้อนที่เข้ามาในบ้าน
- ปลูกต้นไม้ริมบ้าน หรือใช้ ไม้เลื้อย เช่น ตีนตุ๊กแก หรือพวงชมพู เพื่อลดความร้อนจากภายนอก
- ออกแบบบ้านให้มี ชายคายาว เพื่อช่วยบังแดดที่ส่องกระทบผนังบ้านโดยตรง
4. การเลือกวัสดุปูพื้นและผนังที่ช่วยให้บ้านเย็น
หลักการ: วัสดุบางชนิดสามารถสะสมและคายความร้อนออกมาได้ ทำให้บ้านยังคงร้อนแม้ในช่วงกลางคืน
วิธีแก้ไข:
- ใช้ พื้นไม้ หรือกระเบื้องเซรามิก แทนคอนกรีตหรือหินขัด ซึ่งกักเก็บความร้อนมากกว่า
- ใช้ อิฐมวลเบา หรือผนังสองชั้น ที่ช่วยลดการส่งผ่านความร้อนจากภายนอก
- ปู หญ้าหรือพื้นไม้ระแนง รอบบ้านแทนการใช้พื้นปูนหรือกระเบื้อง เพื่อช่วยลดการสะสมความร้อน
5. การออกแบบสวนและพื้นที่สีเขียวรอบบ้าน (Green Space & Evaporative Cooling)
หลักการ: ต้นไม้สามารถช่วยลดอุณหภูมิรอบบ้านได้ถึง 2-4°C โดยช่วยดูดซับความร้อนและเพิ่มความชื้นในอากาศ ทำให้ลมที่พัดผ่านเย็นขึ้น
วิธีแก้ไข:
- ปลูก ต้นไม้ใหญ่บริเวณทิศตะวันตกและทิศใต้ เพื่อช่วยบังแดดช่วงบ่าย
- ทำ สวนแนวตั้ง (Vertical Garden) บนผนังบ้านเพื่อช่วยลดความร้อน
- ใช้ สระน้ำหรือบ่อน้ำ รอบบ้านเพื่อเพิ่มความเย็นด้วยการระเหยของน้ำ
- ใช้ กระถางต้นไม้แขวน หรือต้นไม้ในร่ม เพื่อช่วยเพิ่มความสดชื่นภายในบ้าน
ถ้าเกิดชอบอยากสนับสนุนสามารถโอนเงินสนับสนุนได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น