เทคนิคพื้นฐานบาสเกตบอลที่มือใหม่ต้องรู้ ก่อนลงสนามจริง
บาสเกตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ไม่ว่าจะเล่นเพื่อออกกำลังกายหรือแข่งขันอย่างจริงจัง การมีพื้นฐานที่ดีจะช่วยให้ผู้เล่นพัฒนาทักษะและเล่นได้อย่างมั่นใจมากขึ้น สำหรับมือใหม่ การเรียนรู้เทคนิคพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญก่อนลงสนามจริง บทความนี้จะแนะนำเทคนิคพื้นฐานของบาสเกตบอลที่มือใหม่ควรรู้ เพื่อให้สามารถเล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพและสนุกไปกับมัน
เทคนิคพื้นฐานที่มือใหม่ต้องรู้
1. การเลี้ยงบอล (Dribbling)
การเลี้ยงบอลเป็นทักษะพื้นฐานที่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถเคลื่อนที่ไปทั่วสนามได้โดยไม่เสียการครอบครองบอล เทคนิคการเลี้ยงบอลที่ดีมีดังนี้:
ใช้นิ้วมือและปลายนิ้วควบคุมบอล ไม่ใช้ฝ่ามือ
ควบคุมความสูงของบอลให้อยู่ในระดับสะโพกหรือต่ำกว่า
อย่ามองบอลขณะเลี้ยง ใช้สายตามองเกมรอบตัว
ฝึกเลี้ยงบอลด้วยมือทั้งสองข้างเพื่อเพิ่มความคล่องตัว
2. การส่งบอล (Passing)
การส่งบอลที่ดีช่วยให้ทีมเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างโอกาสในการทำคะแนน การส่งบอลหลัก ๆ มี 3 แบบ ได้แก่:
Chest Pass (ส่งระดับอก) – ส่งบอลตรงจากอกไปยังเพื่อนร่วมทีม ใช้พลังจากแขนและข้อมือ
Bounce Pass (ส่งกระดอนพื้น) – ส่งบอลให้กระดอนพื้นก่อนถึงเพื่อนร่วมทีม ใช้ในสถานการณ์ที่มีแนวรับขวางอยู่
Overhead Pass (ส่งเหนือศีรษะ) – ส่งบอลจากเหนือศีรษะเพื่อข้ามแนวรับหรือส่งบอลไกล
3. การยิงประตู (Shooting)
การทำคะแนนเป็นหัวใจหลักของบาสเกตบอล การยิงที่แม่นยำต้องอาศัยเทคนิคที่ถูกต้อง:
วางมือข้างที่ถนัดใต้ลูกบอล และอีกข้างใช้ประคอง
งอข้อศอกทำมุม 90 องศา และเล็งไปที่ห่วง
ใช้ข้อมือดีดบอลขึ้นไป พร้อมทั้งปล่อยบอลจากปลายนิ้ว
ฝึกยิงจากตำแหน่งต่าง ๆ เช่น ชู้ตระยะกลาง (Mid-range) และยิงสามแต้ม (Three-point shot)
4. การรีบาวด์ (Rebounding)
การรีบาวด์คือการเก็บลูกบาสหลังจากที่มีการยิงพลาด ซึ่งมี 2 ประเภท:
Offensive Rebound – การเก็บบอลหลังจากเพื่อนร่วมทีมยิงพลาด เพื่อให้มีโอกาสยิงซ้ำ
Defensive Rebound – การเก็บบอลหลังจากฝ่ายตรงข้ามยิงพลาด เพื่อเริ่มเกมบุกของทีมตัวเอง
เทคนิคการรีบาวด์ที่ดีคือ:
ใช้ร่างกายบังพื้นที่และกางแขนเพื่อป้องกันคู่แข่ง
กระโดดจังหวะที่เหมาะสมและใช้มือทั้งสองข้างคว้าบอล
ลงพื้นอย่างมั่นคงและหันหาเพื่อนร่วมทีมเพื่อส่งบอลต่อ
5. การป้องกัน (Defense)
เกมรับที่ดีสามารถป้องกันคู่แข่งจากการทำคะแนนและสร้างโอกาสให้ทีมตัวเอง การป้องกันที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัย:
ยืนในท่าพื้นฐาน (Defensive Stance) โดยงอเข่าและย่อตัวลงเล็กน้อย
ใช้สายตาจับตาดูคู่แข่งแทนที่จะมองบอล
ขยับขาไปด้านข้าง (Slide) แทนการไขว้ขาเพื่อป้องกันการถูกเลี้ยงผ่าน
ยกมือเพื่อขัดขวางการยิงและส่งบอลของคู่แข่ง
6. การเคลื่อนที่โดยไม่มีบอล (Off-Ball Movement)
บาสเกตบอลไม่ได้เกี่ยวกับแค่คนที่ถือบอล การเคลื่อนที่โดยไม่มีบอลช่วยให้ทีมมีทางเลือกในการทำเกมรุกมากขึ้น เทคนิคที่สำคัญได้แก่:
การตัดเข้าหาห่วง (Cutting) เพื่อรับบอลและทำคะแนน
การตั้งหน้าจอ (Setting a Screen) เพื่อช่วยให้เพื่อนร่วมทีมมีพื้นที่ว่างในการเล่น
การเคลื่อนที่ไปยังจุดที่เหมาะสมเพื่อรับบอล (Spotting Up)
5 ตำแหน่งหลักในบาสเกตบอล
1. พอยต์การ์ด (Point Guard - PG)
พอยต์การ์ดเป็นเสมือนมันสมองของทีม มีหน้าที่ควบคุมจังหวะเกมและสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีม จุดเด่นของพอยต์การ์ดคือความสามารถในการควบคุมบอล การผ่านบอล และการตัดสินใจที่ดี
หน้าที่หลัก:
ควบคุมเกมและวางแผนการเล่น
นำบอลขึ้นสนามและกระจายบอลให้เพื่อนร่วมทีม
อ่านเกมรับของคู่แข่งและปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์
สามารถยิงสามแต้มหรือทะลุเข้าทำคะแนนได้
2. ชู้ตติ้งการ์ด (Shooting Guard - SG)
ชู้ตติ้งการ์ดเป็นตำแหน่งที่เน้นการทำคะแนนเป็นหลัก มักเป็นผู้เล่นที่สามารถยิงสามแต้มได้แม่นยำ และสามารถเลี้ยงบอลเข้าไปทำคะแนนได้ด้วย
หน้าที่หลัก:
ทำคะแนนจากระยะไกลและกลาง
เคลื่อนที่หาพื้นที่ว่างเพื่อรับบอลและยิง
สนับสนุนเกมรับและช่วยพอยต์การ์ดนำบอลขึ้นสนาม
สร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมผ่านการเคลื่อนที่และจ่ายบอล
3. สมอลฟอร์เวิร์ด (Small Forward - SF)
สมอลฟอร์เวิร์ดเป็นตำแหน่งที่มีความคล่องตัวสูงและเล่นได้หลากหลายบทบาท ทั้งเกมรุกและเกมรับ ผู้เล่นในตำแหน่งนี้ต้องสามารถทำคะแนน ป้องกัน และช่วยรีบาวด์ได้
หน้าที่หลัก:
ทำคะแนนทั้งจากการยิงไกลและการเข้าทำใกล้ห่วง
ช่วยรีบาวด์และเล่นเกมรับ
มีความเร็วและความคล่องตัวในการเคลื่อนที่
ช่วยสร้างโอกาสให้ทีมทั้งจากการจ่ายบอลและการเคลื่อนที่
4. พาวเวอร์ฟอร์เวิร์ด (Power Forward - PF)
พาวเวอร์ฟอร์เวิร์ดเป็นตำแหน่งที่ต้องใช้พละกำลังมาก เน้นการเล่นใกล้ห่วง ทั้งการทำคะแนนและการรีบาวด์ ผู้เล่นในตำแหน่งนี้มักมีร่างกายแข็งแรงและสามารถป้องกันการโจมตีของคู่แข่งได้ดี
หน้าที่หลัก:
ทำคะแนนจากการเล่นใต้แป้นและชู้ตระยะกลาง
รีบาวด์และช่วยเกมรับ
ใช้พละกำลังบุกทะลุแนวรับของคู่แข่ง
บล็อกและป้องกันพื้นที่ใต้แป้น
5. เซ็นเตอร์ (Center - C)
เซ็นเตอร์เป็นผู้เล่นที่มีส่วนสูงและพละกำลังมากที่สุดในทีม มีบทบาทสำคัญในการป้องกันใต้แป้นและทำคะแนนในระยะใกล้
หน้าที่หลัก:
ควบคุมพื้นที่ใต้แป้นและช่วยป้องกัน
รีบาวด์ทั้งในเกมรุกและเกมรับ
ใช้ร่างกายบังทางและสร้างพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีม
ทำคะแนนจากการเล่นโพสต์และชู้ตระยะใกล้
กฎบาสเกตบอลที่สำคัญ
1. กติกาพื้นฐานของเกม
บาสเกตบอลเป็นเกมที่มีผู้เล่นทีมละ 5 คน ในสนาม และแต่ละทีมสามารถมีผู้เล่นสำรองได้
เกมแบ่งเป็น 4 ควอเตอร์ (Quarter) ควอเตอร์ละ 10 นาที (FIBA) หรือ 12 นาที (NBA)
แต่ละทีมมีเวลา 24 วินาที ในการทำเกมบุกและต้องยิงให้ลูกสัมผัสห่วง (Shot Clock)
หากคะแนนเสมอกันเมื่อหมดเวลาปกติ จะมีการต่อเวลา (Overtime) ครั้งละ 5 นาที
2. กฎการเลี้ยงบอล (Dribbling Rules)
Double Dribble (การเลี้ยงสองจังหวะ): ห้ามใช้สองมือเลี้ยงบอลพร้อมกัน หรือหยุดเลี้ยงแล้วเลี้ยงใหม่อีกครั้ง
Traveling (การเดินผิดกติกา): ผู้เล่นต้องเลี้ยงบอลขณะเคลื่อนที่ ห้ามยกเท้าหลัก (Pivot Foot) แล้วเดินเกิน 2 ก้าวโดยไม่เลี้ยงบอล
3. กฎการส่งและรับบอล (Passing & Possession Rules)
ห้ามส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีมที่อยู่ในตำแหน่งล้ำเส้นสนาม
หากทีมบุกผ่านครึ่งสนามไปแล้ว ห้ามส่งบอลกลับไปยังแดนหลัง (Backcourt Violation)
4. กฎการยิงและทำคะแนน (Scoring Rules)
การชู้ตลูกลงห่วงให้ 2 คะแนน หากยิงจากภายในเส้นสามแต้ม
การยิงจากนอกเส้นสามแต้ม (Three-Point Line) ได้ 3 คะแนน
การชู้ตลูกโทษ (Free Throw) ได้ 1 คะแนน ต่อครั้ง
5. กฎการป้องกันและฟาวล์ (Defense & Foul Rules)
Personal Foul (ฟาวล์ส่วนตัว): การกระทำผิดกติกาต่อคู่แข่ง เช่น ผลัก ดึง หรือขัดขาคู่แข่ง
Team Foul (ฟาวล์ทีม): หากทีมทำฟาวล์สะสมครบ 5 ครั้งในควอเตอร์ ฝ่ายตรงข้ามจะได้ยิงลูกโทษ
Blocking & Charging: หากผู้เล่นฝ่ายบุกชนเข้ากับฝ่ายรับที่ยืนประจำตำแหน่ง จะเป็น Charging (ฟาวล์ฝ่ายบุก) แต่ถ้าฝ่ายรับยังเคลื่อนที่อยู่ จะเป็น Blocking (ฟาวล์ฝ่ายรับ)
Goaltending: ห้ามปัดบอลที่กำลังตกลงสู่ห่วงหรือแตะห่วงขณะลูกกำลังจะลง
6. กฎการเปลี่ยนตัวและหมดเวลา (Substitutions & Timeouts)
ทีมสามารถเปลี่ยนตัวได้เฉพาะเวลาหยุดเล่นหรือเมื่อมีการขอเปลี่ยนตัว
แต่ละทีมมีสิทธิ์ขอหมดเวลา (Timeout) เพื่อวางแผนการเล่น โดยใน NBA มี 6 ครั้งต่อเกม และ FIBA มี 5 ครั้งต่อเกม
7. กฎการเล่นในแดนหลัง (Backcourt Rules)
เมื่อทีมบุกนำบอลข้ามครึ่งสนามแล้ว ห้ามส่งบอลกลับไปในแดนหลัง มิฉะนั้นจะเสียการครองบอลให้ทีมตรงข้าม
8. กฎ 3 วินาที และ 5 วินาที (Three-Second & Five-Second Rules)
3-Second Violation: ผู้เล่นฝ่ายบุกห้ามอยู่ในพื้นที่ใต้แป้น (Paint Area) เกิน 3 วินาที ติดต่อกัน
5-Second Violation: หากผู้เล่นที่ถือบอลถูกป้องกันอย่างแน่นหนาเกิน 5 วินาที โดยไม่ส่งบอลหรือเลี้ยงบอล จะเสียการครองบอล
9. กฎ 8 วินาที และ 24 วินาที (Eight-Second & Shot Clock Rules)
8-Second Violation: ทีมบุกต้องนำบอลข้ามครึ่งสนามภายใน 8 วินาที มิฉะนั้นจะเสียบอลให้ฝ่ายตรงข้าม
24-Second Shot Clock: ทีมบุกต้องทำการยิงบอลภายใน 24 วินาที มิฉะนั้นฝ่ายรับจะได้ครองบอล
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น